ตะกร้าสินค้า - Cart

TCC KITCHEN

NUTRITION CENTER

แบ่งบันข้อมูลได้ที่ :

ไขมันทรานส์...ไขมันร้ายใกล้ตัว

  

ไขมันทรานส์...ไขมันร้ายใกล้ตัว

 

 

ที่มาของข้อมูล : http://www.ecepost.com/viewtopic.php?id=702004016

ปัจจุบันอาหารที่คุณกินกว่า 95% จะมีไขมันตัวร้ายที่เรียกว่า ไขมันทรานส์ ซ่อนอยู่ ไขมันทรานส์เป็นไขมันที่เกิดจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนลงในน้ำมันพืชซึ่ง เป็นของเหลว ทำให้น้ำมันเปลี่ยนไปเป็นของแข็ง เราเรียกกระบวนการนี้ว่า "ไฮโดรจีเนชั่น" (hydrogenation) ไขมันชนิดนี้มีมากที่สุดในมาร์การีนชนิดแท่งเนยขาว คุกกี้ เค้ก แครกเกอร์ เฟรนช์ฟรายส์ และโดนัท อุตสาหกรรมการผลิตอาหารปัจจุบันจึงนิยมใช้ไขมันทรานซ์ เช่น เนย เพราะจะทำให้อาหารคงความแข็งตัวที่อุณหภูมิห้อง นอกจากนี้ไขมันทรานซ์ยังมีอายุการเก็บนาน และชะลอการเหม็นหืน โดยที่เนื้อสัมผัสของอาหารไม่แห้ง อาหารอบจะลอกเป็นชั้นได้ และมีรสชาติดี

 

ผลเสียร้ายแรงที่เรามองข้ามของไขมันทรานซ์ประเภทนี้ คือเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจโดยตรงเป็นการเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (แอลดีแอล) งานวิจัยรายงานว่าไขมันทรานซ์ร้ายกว่า เพราะมีผลในการลดคอเลสเตอรอลที่ดี (เอชดีแอล) ด้วย เท่านั้นยังไม่พอ นักวิจัยพบว่าไขมันทรานซ์ยังเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์ จอประสาทตาเสื่อมโรคนิ่วในถุงน้ำดี และการอักเสบ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคเรื้อรังไม่ติดต่อทั้งหลาย ล่าสุดในเดือนมกราคม 2550 มีรายงานว่า ไขมันทรานซ์อาจเพิ่มความเสี่ยงการท้องยากในผู้หญิง

 

สาเหตุนี้เองที่ทำให้กระแสการหันมาใส่ใจสุขภาพตื่นตัวกันมากขึ้น มีการค้นคว้าวิจัยที่หลากหลาย และผลจากการวิจัยกลับไปพบคุณประโยชน์อันมหัศจรรย์จากมะพร้าว เพราะทุกส่วนของมะพร้าว ไม่ว่าจะเป็นต้น ใบ และผล สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน จนได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็น“ราชาแห่งโภชนาการ” โดยเฉพาะผลนั้นถือว่ามีบทบาทที่สำคัญที่สุดต่อวิถีการบริโภคของคนไทยมาช้านาน เนื้ออ่อนสามารถกินได้ ผลที่แก่จะนำมาคั้นเพื่อให้ได้น้ำกะทิ ใช้ทำอาหารคาวและหวาน และน้ำกะทิที่เองที่นำไปสกัดเป็นน้ำมัน ที่เรียกกันว่า “น้ำมันมะพร้าว” เพื่อใช้ในการทอดอาหาร และน้ำมันมะพร้าวนี่แหละ ที่มีคุณสมบัติที่น้ำมันอื่นในโลกไม่มี เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นกรดไขมันอิ่มตัวที่ไม่เกิดการเติมออกซิเจน และไฮโดรเจน ซึ่งทำให้ไม่เกิดอนุมูลอิสระและไขมันทรานส์

กรดไขมันในน้ำมันมะพร้าว เป็นกรดไขมันขนาดกลาง (สายปานกลาง) โมเลกุลขนาดเล็กที่อยู่ในรูปของไตรกลีเซอร์ไรด์ ทำให้การกินน้ำมันมะพร้าวไม่ต้องใช้น้ำย่อย เปลี่ยนเป็นพลังงานได้ทันที และยังมีสารต้านเชื้อโรค อีกทั้งยังสามารถฆ่าสุดยอดของเชื้อโรค เช่น ไวรัส และแบคทีเรียที่มีเกราะหุ้ม แต่ไม่ฆ่าจุลินทรีที่เป็นประโยชน์ และยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย น้ำมันมะพร้าวเป็นอาหารที่มีประโยชน์หลายประการ เป็นทั้งอาหาร ยารักษาโรค เครื่องสำอาง พลังงาน สุขเพศ และยังปลอดภัยต่อเด็ก คนชรา และผู้ป่วย  

น้ำมันมะพร้าว...กระแสนิยมที่เปลี่ยนไปใช้ประกอบอาหารแทนน้ำมันพืช หรือน้ำมันถั่วเหลืองมากขึ้น

ปัจจุบันผู้ที่หันมาบริโภคน้ำมันมะพร้าวมีมากขึ้น ด้วยข้อมูลและผลวิจัยต่างๆที่ได้รับการเผยแพร่จากทั่วโลก ซึ่งผู้ที่บริโภคน้ำมันมะพร้าวจะมีสุขภาพแข็งแร็งเพราะได้พลังงานทันทีที่บริโภคน้ำมันมะพร้าว ไม่ว่าจะใช้หุงต้มอาหารแทนน้ำมันพืช หรือน้ำมันถั่วเหลือง จะทอด ผัด หรือเติมน้ำมันมะพร้าวเพียง 1 ช้อนชาในการการหุงข้าวปกติ น้ำมันมะพร้าวช่วยเพิ่มคุณค่าทางอาหารโดยตรง ด้วยการเพิ่มการดูดวิตามิน เกลือเเร่ และกรดอะมิโน เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวเป็นโมเลกุลขนาดเล็กจึงถูกย่อยง่ายและเคลื่อนที่ไปตามของเหลวในร่างกายได้ดี

น้ำมันมะพร้าว...ช่วยในการลดความอ้วน

1. น้ำมันมะพร้าวช่วยในกระบวนการเผาผลาญอย่างรวดเร็วเหมือนรถไฟเหาะ เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่มีโมเลกุลสายขนาดปานกลาง คำว่ามีโมเลกุลสายขนาดปานกลางเวลาที่คนทานลงไปสามารถที่จะเคลื่อนที่ได้เร็ว ภายใน 24 ชั่วโมง ร่างกายสามารถที่จะกำจัดออกไปได้หมด แตกต่างจากน้ำมันที่มีโมเลกุลสายยาวที่ร่างกายกำจัดออกได้ช้า และที่สำคัญทำให้เกิดการสะสมภายในร่างกาย จากตรงนี้น้ำมันมะพร้าวมีผลต่อการลดน้ำหนักอย่างไร กล่าวคือน้ำมันมะพร้าวจะลากน้ำมันสายยาว หรือไขมันสะสมเอาไปเผาผลาญในตัว ทำให้ร่างกายไม่มีไขมันสะสม หรือไม่มีคอเลสเตอรอลสะสมในร่างกาย จึงส่งผลให้ร่างกายมีน้ำหนักลดลง

2. ร่างกายคนเรามีกระบวนการขับถ่ายถ้าเราทานอาหารเข้าไป 10 ส่วน หากถ่ายออกมา 5 ส่วนแสดงว่าต้องเหลือในร่างกายอีก 5 ส่วน ร่างกายอาจจะเผาผลาญไปได้ 3 ส่วน เท่ากับว่าเหลือตกค้างอีก 2 ส่วน แต่หากท่านทานน้ำมันมะพร้าวไป จากอาหารที่ทานไป 10 ส่วน การเผาผลาญจะเพิ่มขึ้นรวมไปถึงการช่วยกำจัดของเสียออกจากร่างกายเท่ากับว่าสิ่งที่ตกค้างในร่างกายน้อยมาก

อย่างไรก็ดีเมื่อน้ำมันมะพร้าวช่วยในการขับถ่ายคนที่ทานน้ำมันมะพร้าวไป ช่วงแรกอาจเจออาการท้องเสียถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากในระยะต่อมาท้องยังเสียอีกต้องหยุดทานเหตุเพราะร่างกายอาจไม่เหมาะสม กับการทานน้ำมันมะพร้าว ซึ่งตรงนี้ร่างกายคนไม่เหมือนกัน อย่างที่มีคำกล่าวกันว่า คนธาตุหนัก คนธาตุเบา ซึ่งคนธาตุเบาจะท้องเสียง่าย

3. การทานน้ำมันมะพร้าวจะส่งผลให้ความอยากอาหารน้อยลง เมื่ออยากน้อย ก็กินน้อย เมื่อกินน้อย อาหารหรือส่วนเกินที่จะตกค้างใรร่างกายก็จะน้อยลง รวมไปถึงคุณสมบัติที่ช่วยในการเผาผลาญ จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ช่วยในการลดน้ำหนักหรือช่วยในการลดความอ้วน


ทานน้ำมันมะพร้าวช่วงไหนเกิดประโยชน์สูงสุด
น้ำมันมะพร้าวสามารถทำงานได้ดีที่สุด ในช่วงที่ร่างกายท้องว่างโดยในระหว่างวันช่วงที่ร่างกายท้องว่างมากที่สุด คือ ช่วงเช้า เพราะตอนกลางคืนขณะที่นอนหลับไม่ได้ทานอะไรเลย การทานน้ำมันมะพร้าวในตอนเช้าจึงถือว่ามีประโยชน์กับร่างกายมากที่สุด อย่างไรก็ดีการทานน้ำมันมะพร้าวภายในครั้งเดียวร่างกายอาจรับไม่ได้ ดังนั้นควรจะแบ่งทานเป็น 3 เวลาก่อนรับประทานอาหารประมาณครึ่งชั่วโมง
           
Tricks ในการสังเกตุ น้ำมันมะพร้าวบริสุทธ์ คุณภาพดี
ต้องมีกลิ่นอ่อนๆของมะพร้าว สีใส ไม่ตกตะกอน กินง่ายลื่นคอ ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนหลังจากเปิดใช้แล้ว เมื่อทาผิวแล้วซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เมืออุณหภูมิต่ำกว่า 24oC จะจับตัวเป็นไข สีขาวสม่ำเสมอ เป็นก้อนเดียวกัน

 

 

INTERESTING ARTICLES

น้ำมันมะพร้าวช่วยบำรุงผิว
Date : 13/03/2019
read more
สุขภาพผมดีบำรุงด้วยน้ำมันมะพร้าว
Date : 31/03/2018
read more
วิธีการใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์
Date : 03/10/2016
read more
Oil Pulling ออยล์พูลลิ่ง เคล็ดลับปลอดโรค
Date : 04/02/2016
read more

Contact Us